เทคนิคทำ Reading ให้ฉับไวแบบไม่มีพลาด
ในการทำข้อสอบวิชาภาษาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ ข้อสอบการอ่าน (Reading) ซึ่งข้อสอบ Reading มักจะมี 2 แบบ ได้แก่
แบบที่ 1 ข้อความสั้น ๆ มักใช้การอ่านแบบ skim คือ การกวาดตาอย่างเร็ว ๆ เพื่อดูข้อมูลทั่ว ๆ ไป และการอ่านแบบ scan คือการกวาดตาอย่างเร็วๆ เพื่อหาจุดมุ่งหมายที่ต้องการ โดยมักจะให้อ่าน ฉลากสินค้า แผนภูมิ ตาราง โฆษณา ข่าว ข้อความจากหนังสือพิมพ์ เป็นต้น
แบบที่ 2 ข้อความยาวประมาณ 10-20 บรรทัด ใช้การอ่านแบบ skim และ scan ร่วมกันในการอ่าน โดยจะมักจะให้อ่านเนื้อเรื่องยาว เช่น ชีวประวัติบุคคล บทความให้ความรู้ต่าง ๆ เป็นต้น
เรามาดูกันดีกว่าว่า ในการทำข้อสอบการอ่าน (Reading) มีเทคนิคไหนบ้าง ที่จะช่วยให้เราทำข้อสอบได้ฉับไว แบบไม่มีพลาด
- ดูคำถาม แล้วจึงอ่านหาคำตอบ
ในการทำข้อสอบการอ่าน (Reading) ถ้าเราต้องการทำข้อสอบให้รวดเร็วฉับไว ควรดูก่อนว่าโจทย์ต้องการอะไรก่อนที่จะอ่านบทความ เพราะเรารู้แล้วว่าโจทย์ถามอะไร เราก็จะสามารถล็อคเป้าหมายได้ว่าโจทย์ต้องการคำตอบนี้ เมื่อไปอ่านบทความจะได้ไม่เสียเวลาอ่านบทความซ้ำหลายครั้ง และยังช่วยปิดข้อผิดพลาดในการทำข้อสอบการอ่าน (Reading) อีกด้วย
- จับคีย์เวิร์ดให้ดี ไม่มีพลาด
สำหรับข้อสอบการอ่าน (Reading) ทักษะที่เราต้องใช้อีกอย่างที่สำคัญคือคำศัพท์ คนที่มีคลังคำศัพท์ (Vocabulary) มากกว่าจะค่อนข้างได้เปรียบคนอื่นในการทำข้อสอบการอ่าน โดยในข้อสอบที่มีลักษณะข้อความยาว (Passage) ให้เราอ่านโจทย์ดูก่อนว่าคำถามคืออะไร หลังจากนั้นก็ไปอ่านข้อความโดยต้องจับคีย์เวิร์ด (Keyword) ให้ได้
คีย์เวิร์ด (Keyword) คือ คำค้นหา หรือคำอธิบายสิ่งใดสิ่งหนึ่งสั้นๆ ที่กล่าวถึงสิ่งที่เรากำลังตามหาเพื่อสืบค้นรายละเอียด ถ้าเราหาคีย์เวิร์ดในบทความเจอ เราก็จะสามารถหาคำตอบของข้อสอบข้อนั้นได้เลย เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเวลาและสามารถหาคำตอบได้แบบไม่มีพลาดเลย
- ถาม Topic ใช้เทคนิค skim และ scan
คำถามยอดฮิตในข้อสอบการอ่าน (Reading) ในวิชาภาษาอังกฤษที่มักจะเจอในข้อสอบบ่อย ๆ เลยก็คือการถามหาชื่อเรื่อง (Topic) ซึ่งในการหาชื่อเรื่องให้ได้แบบฉับไวแบบไม่มีพลาด ก็คือการใช้เทคนิค skim และ scan
การอ่านแบบ skim คือ การกวาดตาอย่างเร็วๆ เพื่อดูข้อมูลทั่ว ๆ ไปของบทความ และการอ่านแบบ scan คือการกวาดตาอย่างเร็วๆ โดยการอ่านลักษณะนี้มกใช้อ่านเพื่อหารายละเอียด และหาจุดมุ่งหมายที่ต้องการ โดยชื่อเรื่อง (Topic) มักจะเป็นคำที่มักปรากฏซ้ำ ๆ ในบทความ ซึ่งคำที่ปรากฏซ้ำ ๆ นี้ เราสามารถนำมารวมกัน หรือประมวลผลออกมาเป็นคำตอบได้
- ถามหา Main idea ดูต้นและท้ายข้อความ
Main Idea คือ ใจความสำคัญหรือใจความหลักของเรื่อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของเรื่อง ซึ่งเป็นส่วนที่ครอบคลุมและควบคุมเรื่องนั้น ๆ กล่าวคือ ในแต่ละย่อหน้าต้องมีใจความสำคัญ (Main idea) เพียงอันเดียว และถ้าเมื่อขาดใจความสำคัญ (Main idea) ไปแล้ว จะทำให้ไม่เกิดเนื้อเรื่องต่าง ๆ ขึ้น หรือทำให้ไม่ทราบจุดประสงค์เรื่องนั้น ๆ แล้วทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าใจความสำคัญ (Main idea) มีความสำคัญมาก จึงทำให้เรามักจะเจอคำถามที่เกี่ยวข้องกับใจความสำคัญ (Main idea) อยู่บ่อย ๆ ส่วนหนึ่งก็เพื่อวัดความรู้ความเข้าใจเราจากเรื่องที่อ่านด้วย
โดยใจความสำคัญ (Main idea) มักจะปรากฏส่วนมากในต้นข้อความและท้ายข้อความ ซึ่งในการหาใจความสำคัญ (Main idea) ให้พิจารณาชื่อเรื่อง (Topic) ร่วมด้วย เพราะใจความสำคัญและชื่อเรื่องย่อมมีความสอดคล้องกันนั่นเอง เทคนิคนี้เรียกได้ว่าใช้เวลาน้อยและยังเป็นเทคนิคที่ไม่ยากอีกด้วย คะแนนเต็มอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
สุดท้ายแล้วในการทำข้อสอบการอ่าน (Reading) อย่าลืมมีสติในการทำข้อสอบ และตรวจคำตอบก่อนส่งกระดาษคำตอบทุกครั้ง และอย่าลืมนำเทคนิคทำ Reading ให้ฉับไวแบบไม่มีพลาด ไปปรับใช้ในการทำข้อสอบล่ะ เพียงเท่านี้คะแนนดี ๆ ก็จะได้ตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้แน่นอน
ภาพประกอบโดย : ผู้เขียน